06 November 2014

ถามอย่างไรให้ได้คำตอบ ถามอย่างไรให้ถูกต้องบนโลกแห่งยุค Internet

Updated on

        บทความนี้ขอเขียนขึ้นมาเล่นๆหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่เจ้าของบล็อกรู้สึกตะขิดตะขวงใจมานานแล้ว ซึ่งผู้ที่หลงเข้ามาอ่านก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าเจ้าของบล็อกนั้นแรดไปทั่วสารทิศ จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าของบล็อกต้องเจอกับคำถามต่างๆนานาทั้งฝั่ง Dev และ User ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google Plus หรือแม้แต่บนบล็อกแห่งนี้

        แต่ถึงจะเจอกับคำถามมากมาย แต่ก็จะมีคำถามที่เจ้าของบล็อก "เลือกที่จะตอบ" กับ "เลือกที่จะไม่ตอบ" ผสมปนเปกันไป ดังนั้นก็อยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมาเล่าให้อ่านเล่นๆฆ่าเวลากันไป

       ต้องบอกว่าในยุคสมัยเริ่มต้นแห่ง Internet นั้น ทุกอย่างถือเป็นเสมือนโลกอันกว้างใหญ่สำหรับใครหลายๆคน เพราะมันสามารถท่องไปในที่ต่างๆได้ หาข้อมูล หาความรู้ และอื่นๆอีกมากมายได้ แต่เมื่อมาถึงในปัจจุบันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่ง Social ก็ทำให้ผู้คนสามารถคุยกันได้สะดวกขึ้น รู้จักคนมากหน้าหลากตามากขึ้น

        แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆกันในอีกด้านหนึ่งที่เจ้าของบล็อกเห็นอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ การขอความช่วยเหลือ วิธีแก้ปัญหา และอื่นๆ ซึ่งเจ้าของบล็อกก็ต้องเผชิญกับคำถามต่างๆจากเหล่า Dev ที่ติดปัญหาบางอย่าง หรือ User ที่มีปัญหาบางอย่าง จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าของบล็อกต้องเจอกับหลากหลายรูปแบบของคำถาม ซึ่งก็มีบ้างที่ทำให้อยากจะช่วยตอบ บ้างก็ขี้เกียจที่จะตอบ ดังนั้นมาดูกันว่าการตั้งคำถามหรือขอความช่วยเหลืออย่างไรถึงจะเหมาะสม



พิมพ์ให้ถูก พิมพ์ให้สุภาพ เมื่อถามในพื้นที่ส่วนรวมหรือกับคนที่ไม่รู้จัก

        ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ที่ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว เราไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่จะมาคุยด้วยเป็นใคร อายุเท่าไร ดังนั้นควรใช้คำพูดที่สุภาพ เป็นกลางต่อทุกเพศทุกวัย เพราะมันไม่ใช่พื้นที่ที่คุณเอาไว้คุยกับเพื่อน และบ่อยครั้งคำพูดที่ดูเกรียนๆก็อาจจะทำให้ไม่อยากจะช่วยตอบก็ได้นะเออ


ถ้า Google แป๊ปเดียวก็เจอแล้ว~

        เกือบทุกคำถามนั้น ล้วนมีคนเคยถามกันหมดแล้วบนโลกนี้ ก็ย่อมมีคนอื่นที่เคยเจอปัญหานี้กันมาบ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกก่อนก็คือ "ค้นหา" ดูก่อน ไว้หาไม่เจอก็ค่อยถามละกัน

        ที่น่าตลกคือ บางคำถามอาจจะค้นหาใน Google ไม่ถึง 3 นาทีก็ได้คำตอบแล้ว แต่บางคนก็กลับเลือกที่จะพิมพ์ทิ้งไว้แล้วรอเป็นชั่วโมง เป็นวัน กว่าจะได้คำตอบ


อธิบายมาเถอะ ยิ่งเยอะยิ่งดี จะได้ช่วยได้ง่ายขึ้น

        ถ้าจำไม่ผิด ไม่มีที่ไหนนอกจาก Twitter ที่จำกัดจำนวนตัวอักษรนะ แต่ก็ไม่รู้ทำไมบ่อยครั้งเจอคำถามที่สั้นๆเหลือเกิน จนเดาไม่ได้ว่าปัญหานั้นเกิดจากอะไร


พิมพ์ถามมาเลยสิ จะรออะไรอยู่เล่า!!

        บ่อยครั้งก็มักจะเจอคำถามที่ยังไม่ใช่คำถาม แต่เกริ่นมาก่อนเพื่อรอการตอบรับก่อนที่จะถาม (ทำอย่างกับ Ping กับ Server) เช่น "ขอถามหน่อยครับ" หรือ "ใครใช้ XXX อยู่บ้างครับ มีอะไรจะปรึกษา" และที่ชอบก็คือมีบางคนรอการตอบกลับก่อน ถึงค่อยพิมพ์คำถาม ซึ่งเจ้าของบล็อกเจอแบบนี้ก็จะไม่ตอบอะไร และรอดูว่าเมื่อไหรจะพิมพ์คำถามมา XD


ตั้งสติ ดูปัญหาก่อนว่าเป็นอะไรยังไง มีข้อความอะไรแจ้งมั้ย

        หลายต่อหลายคนมักจะมาแค่ตัวหนังสือง่ายๆ เช่น "ช่วยด้วยครับ หน้าจอขึ้นอะไรก็ไม่รู้ครับ" ซึ่งคำถามเหล่านี้จะเป็นประเภทที่ไม่คิดจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองซักเท่าไรนัก เพราะแค่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ค่อยจะตั้งใจดูหรือสังเกตเลย ซึ่งสุดท้ายคนที่มาตอบก็ต้องมานั่งถามอยู่ดีว่า "อะไรก็ไม่รู้" นั้นหมายถึงอะไร หรือก็คือไม่ตอบคำถามนั้นๆเลยเพื่อตัดปัญหา


หาภาพประกอบมาด้วยก็คงไม่ลำบากเกินไปมั้ง?

        อันนี้มักจะมาคู่กับข้อข้างบน ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าโกรธมาก เพราะไม่มีข้อมูลอะไรให้ช่วยแก้ไขปัญหาได้เลย ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยการแปะภาพประกอบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นยังไงก็จะช่วยได้มากถึงมากที่สุด


ทำอะไรมาบ้างช่วยบอกหน่อยเถอะ ไม่ได้นั่งดูอยู่ข้างๆนะ

        เรื่องน่าเบื่ออีกอย่างหนึ่งก็คือคำถามที่เล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่กลับไม่บอกมาก่อนว่าทำอะไรกับมันมาแล้วบ้าง เพราะปัญหาส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการกระทำของตัวเอง ซึ่งคนอื่นๆก็ไม่ได้ร่วมผจญภัยไปด้วยนะ และก็ไม่ใช่อับดุลที่จะให้หลับตาแล้วตรัสรู้ว่าไปทำอะไรกับมันมาก่อน ดังนั้นทางที่ดีก็ควรจะบอกด้วยว่าไปทำอะไรมาก่อนที่จะเกิดปัญหา


งดคำพูดที่ไม่ช่วยอะไรและไม่ได้ประโยชน์อะไร

        เนื่องจากเป็นคำพูดที่อาจจะทำให้อารมณ์เสียได้ค่อนข้างง่าย เช่น "แงๆ" หรือที่เจอบ่อยสุดก็คงจะเป็น "งง" ซึ่งในกรณีแบบนี้ควรจะบอกว่าไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง เพื่อที่ว่าคนที่มาช่วยตอบจะได้ช่วยเพิ่มเติมให้


อ่านทวนคำถามที่ตัวเองพิมพ์ให้ดีก่อน

        มีบ้างในบางคำถามที่เจ้าของบล็อกอ่านแล้วรู้สึกว่า "ไม่รู้เรื่อง" ทั้งนี้อาจจะเพราะพิมพ์ผิดบ้าง รีบพิมพ์บ้าง หรือเรียบเรียงคำไม่ถูกบ้าง ซึ่งสุดท้ายก็ต้องมานั่งพิมพ์ใหม่อยู่ดี ดังนั้นทวนให้ดีก่อนจะพิมพ์ส่งในครั้งแรกน่าจะไวกว่าเนอะ


พูดอ้อมค้อมไปก็เท่านั้น รู้นะว่าต้องการอะไร

       อันนี้ไม่ค่อยซีเรียสซักเท่าไร เพราะเจ้าของบล็อกก็รู้สึกว่าสนุกดีเวลาที่เจอคำถามที่สรรหาคำพูดอ้อมค้อมเพื่อมาถามหรือขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจำเป็น "ขอ Guideline" "ขอแนวทางศึกษา" หรือ "ขอตัวอย่างไปศึกษาเป็นแนวทาง" เป็นต้น


เหมือนจะถาม แต่เอาเข้าจริงดันไม่ได้ถาม

        กรณีนี้ก็เจอบ่อยเหมือนกัน ก็คือเกริ่นเริ่มต้นว่าต้องการจะถาม แต่พออธิบายปัญหามาจนจบกลับไม่มีคำถามซะงั้น? (เหมือนเล่าให้ฟัง) เช่น "มีคำถามอยากจะปรึกษาครับ อยากจะทำ XXXXX ครับ" แล้วก็จบเพียงแค่นั้น กลับไม่มีคำถามอยู่ในนั้นเลย ซึ่งส่วนใหญ่ที่เจ้าของบล็อกเจอก็คือ อยากทำบางอย่าง แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หัวสมอง Blank มากจนแม้แต่คำถามก็นึกไม่ออก ดังนั้นส่วนใหญ่ที่เจ้าของบล็อกเจอก็คือขอวิธี แนวทาง ตัวอย่าง บลาๆ เหมือนกับข้อข้างบนนั่นเอง~


        ทั้งนี้ทั้งนั้นจะบอกว่าเจ้าของบล็อกเป็นพวกเรื่องมากก็ได้นะครับ เพราะทุกๆวันเจ้าของบล็อกต้องเจอกับคำถามที่ไม่ค่อยจะสมประกอบเหล่านี้อยู่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยที่จะตอบเป็นบางครั้ง ซึ่งคนที่คอยช่วยตอบคำถามก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นการถามคำถามก็อยากจะให้ช่วยคิดให้ดีก่อนที่จะถามเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนที่มาตอบละกันเนอะ ซึ่งสรุปคร่าวๆก็ดังนี้

        • ค้นหาดูก่อนว่ามีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้วหรือไม่
        • ใช้คำสุภาพ และถูกต้อง
        • อธิบายปัญหาเท่าที่จะอธิบายได้ มีภาพประกอบยิ่งดี